การดูแลสายตาเมื่อต้องอยู่กับโทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ช่วง1-2 ปีที่แล้วน้องๆส่วนใหญ่ต้องเรียนออนไลน์ เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อต้องเรียนออนไลน์ในระยะยาว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรนึกถึง คือเรื่องของสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งการที่ต้องเรียนออนไลน์เป็นเวลานานในแต่ละวันนั้น ทำให้ต้องใช้สายตาอย่างมากกับการเรียนรู้ผ่านหน้าจอของอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งการใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมงนั้น ส่งผลเสียอย่างแน่นอนกับดวงตา และอาจทำให้สายตาเสื่อมก่อนวัยอันควร
ในบทความนี้อิงลิช แก๊งจึงรวบรวมวิธีการในการดูแลรักษาดวงตา ในกรณีที่ต้องอยู่กับอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์เป็นเวลานาน เพื่อให้สามารถดูแลรักษาดวงตาของตัวเอง ให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพไปอีกนาน ๆ
พักสายตาทุก ๆ 30 นาที
การพักสายตา คือ การละสายตาออกจากหน้าจอ ซึ่งอาจไปการบริหารสายตา กระพริบตาถี่ ๆ และกรอกสายตาไปละสายตาไปทำกิจกรรมอื่น หรือมองจุดที่ผ่อนคลายทางสายตา เช่นพื้นที่สีเขียว เพื่อให้เวลาสายตาในการฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง ซึ่งหลังจากเรียนออนไลน์ในแต่ละคาบเสร็จแล้ว ควรมีเวลาให้นักเรียนได้พักสายตาอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้สายตาของนักเรียน และรวมถึงครูผู้สอน หายอ่อนล้าและกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น
การปรับขนาดของตัวอักษรที่แสดงผลให้ใหญ่ขึ้นจะช่วยให้น้องๆ มองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้อง มองใกล้ ๆ หรือเพ่งใช้สายตามากนัก ทำให้สายตาไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป
ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม
ความสว่างของหน้าจอนั้น เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสายตาเป็นอย่างมาก ควรปรับแสงสว่างของอุปกรณ์ให้พอดีกับแสงสว่างในบริเวณที่ใช้งาน โดยใช้แสงสว่างมากในพื้นที่ที่เป็นกลางแจ้ง และใช้แสงสว่างน้อยลงในพื้นที่ที่ทึบและแสงสว่างน้อย
อย่างไรก็ดี พื้นที่ในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งสำคัญ ไม่ควรใช้อุปกรณ์ในพื้นที่ที่มีแสงจ้ามาก ๆ เพราะนอกจากความสว่างของอุปกรณ์บางรุ่นจะสู้แสงจ้าไม่ได้แล้ว แสงที่จ้าเกินไปยังทำร้ายสายตาอย่างรุนแรง ส่วนในการใช้อุปกรณ์ในห้องที่มืดหรือแสงสว่างน้อย ควรเพิ่มแสงสว่างด้วยโคมไฟควบคู่กับการปรับลดแสงสว่างของหน้าจอ หรือไม่ก็ควรย้ายที่ใช้งานมาในจุดที่มีแสงสว่างเพียงพอจะดีกว่า
ใช้ฟังก์ชันลดแสงสีฟ้าหรือใช้แว่นตากรองแสงสีฟ้า
แสงสีฟ้า (Blue Light) คือแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอยู่ที่ 380-500 นาโนเมตร จึงทำให้มีการกระจายตัวของแสงสีมาก มีงานวิจัยหลายแห่งยืนยันว่า แสงสีฟ้าที่ออกมาจากจอแสดงผลของอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ นั้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับดวงตา ทำให้เมื่อยล้า ปวดตา แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว จนไปถึงจอประสาทตาเสื่อมได้ ดังนั้นการปรับลดแสงสีฟ้าด้วยฟังก์ชันที่มีในอุปกรณ์เหล่านั้น หรือใส่แว่นตาเพื่อกรองแสงสีฟ้า จะช่วยให้น้องๆใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้ยาวนานและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เว้นระยะห่างจากหน้าจอ
เหมือนกับโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ การใช้งานอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งพวกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตควรอยู่ห่างจากหน้าจอในระยะ 30-40 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้แสงที่เป็นอันตราย เช่น แสงสีฟ้า ทำอันตรายต่อดวงตาของและทำให้ดวงตาเสื่อมก่อนวัยอันควร
งดการใช้อุปกรณ์ในระหว่างการเดินทาง
เวลาเดินทาง โดยเฉพาะการนั่งบนยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่ จะมีแรงสั่นสะเทือนที่แม้จะไม่เป็นอันตราย แต่ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตาได้ถ้าจ้องมองหน้าจอของอุปกรณ์สื่อสารออนไลน์ต่าง ๆ ขณะอยู่บนยานพาหนะ นอกจากนี้การใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ในขณะที่ขับขี่ หรือขณะเดินทางบนท้องถนน ก็เป็นพฤติกรรมที่อันตรายและอาจทำให้เกิดอุบัติที่ร้ายแรงได้
ดื่มน้ำ
การดื่มน้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และรวมถึงเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับดวงตาด้วย ช่วยลดอาการตาแห้ง และระคายเคืองตา ทำให้ช่วยใช้งานดวงตาได้ยาวนานขึ้น ซึ่งเราควรที่จะดื่มน้ำ ให้ได้วันละ 8 แก้ว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
รับประทานอาหารช่วยบำรุงสายตา
อาหารที่อุดมไปด้วย วิตามิน A โดยเฉพาะพวกเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ซึ่งมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในการมองเห็นในกลางคืนเช่นเดียวกับวิตามิน A พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น แครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมี พวกวิตามิน C จากผลไม้รสเปรี้ยว และวิตามิน B จากพวกเนื้อสัตว์ นม ไข่ รวมถึงโอเมก้า 3 ที่มีในปลาทะเลน้ำลึก ก็นับเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาได้อย่างดีเช่นเดียวกัน น้องๆจึงควรรับประทานอาหารที่ประกอบขึ้นจากวัตถุดิบเหล่านี้เป็นประจำ โดยสลับสับเปลี่ยนกันไป เพื่อบำรุงสายตาให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
อย่าลืมว่า ดวงตาคืออวัยวะที่สำคัญมากต่อการดำเนินชีวิต ถ้าขาดดวงตาที่มีประสิทธิภาพแล้ว เราก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ชัดเจน จนรบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้ต้องเสียเงินไปกับการฟื้นฟูหรือหาอุปกรณ์ช่วยเหลือเช่น แว่นตา หรือ คอนเทนท์เลนส์ และบางครั้งการเสื่องสภาพของดวงตาก็อาจไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานเป็นปกติได้ เช่น การเกิดวุ้นในตาเสื่อม ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลให้ดี โดยเฉพาะในยุคนี้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเราไปแล้วค่ะ ด้วยความปราถนาดีจาก อิงลิช แก๊ง