ฝึกภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ พ่อแม่คนไหนก็ทำได้

ในทุกวันนี้…พ่อแม่สมัยใหม่ให้ความสำคัญกับการฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่จะฝึกลูกยังไงดีนะ ?

ความสามารถในการใช้ภาษากลายเป็นสิ่งหนึ่งในการใช้ชี้วัดความสามารถในการทำงานไปแล้วนะคะ เป็นทั้งประตูเปิดนำไปสู่โอกาสแห่งความสำเร็จต่าง ๆ โดยเฉพาะการเริ่มฝึกตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดร.แพทริเซีย คัห์ล (Dr. Patricia Kuhl) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้กล่าวไว้ว่า “มนุษย์เราสามารถเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ดีที่สุดในช่วงอายุแรกเกิด -7 ปี” รู้แบบนี้แล้ว เราอย่าปล่อยให้ช่วงเวลาทองนี้ผ่านเลยไป วันนี้อิงลิช แก๊งมีวิธีง่าย ๆ จะช่วยฝึกเจ้าตัวเล็กให้ SPEAK ENGLISH ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ มาฝากกันค่ะ

วิธีการ
1. สร้างสภาพแวดล้อมที่บ้าน
เพราะการเรียนรู้เรื่องภาษาเป็นเรื่องของการจดจำและนำไปใช้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จะต้องสร้างสภาพแวดล้อมในบ้าน เพื่อให้ลูกเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ เช่น คุณพ่อคุณแม่ชวนลูกพูดภาษาอังกฤษเป็นประโยคง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น HELLO / GOOD MORNING หรือตามมุมต่าง ๆ ของบ้านมีการแปะคำศัพท์ต่าง ๆ ไว้เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้

2. บอกคำศัพท์เลยไม่ต้องแปล
ในการสอนคำศัพท์ให้ลูก พ่อแม่สามารถที่จะบอกและสอนลูกเป็นภาษาอังกฤษคำนั้น ๆ ได้เลย โดยไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทย เพราะมันจะกลายเป็นการแปลภาษาสองครั้ง ซึ่งเด็กจะสับสน และเป็นการฝึกแบบไม่ธรรมชาติ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรฝึกลูกด้วยการสอนความสัมพันธ์ของสิ่งของแทนคำพูด เช่น ชี้นม.. อย่าพูดว่า “milk นม” แต่ให้พูดแค่ milk แล้วให้สมองของลูกทำการจดจำคำศัพท์นั้น โดยการเชื่อมความสัมพันธ์ของคำศัพท์กับภาพที่ได้เห็นแทน

3. เรียนรู้ด้วยความสนุกและผ่อนคลาย
ในการสอนหรือฝึกให้ลูกพูดภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องไม่สร้างกรอบเพื่อมาปิดกั้นความสามารถในการสื่อสารของทั้งตัวเองและลูก พ่อแม่ไม่ต้องกังวลว่าสำเนียงตัวเองจะดีไหม เราใช้ประโยคถูกหรือเปล่า เราแค่ต้องการสอนให้ลูกออกเสียงคำแต่ละคำให้ถูกต้อง และกล้าที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า

4. จัดกิจกรรมที่หลากหลาย
คุณพ่อคุณแม่อาจมีการใช้อุปกรณ์หรือใช้ตัวช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษให้ลูกได้ เช่น การให้ลูกฟังและร้องเพลงเป็นภาษาอังกฤษจากซีดีการ์ตูน หรือรายการต่างประเทศ หรือการอ่านนิทานภาษาอังกฤษที่มีภาพสวยงาม ก็จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์และนำไปใช้ได้เร็วขึ้น

สิ่งสำคัญในการฝึกภาษาอังกฤษในเด็กเล็กนั้น ก็คือ การสร้างความสนุกสนานและไม่กดดันจนเกินไป คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเรียนรู้ให้ลูกสักหน่อย แม้จะช้าไปบ้าง แต่ถ้าเราสอนด้วยความสุข และค่อยเป็นค่อยไป สะสมนิสัยของการรักภาษาให้ลูกไป ครูแหม่มเชื่อว่าภาษาอังกฤษจะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาค่ะ