ในหลวงกับการศึกษาของไทย
ชนชาติไทยเป็นชาติที่มีพระมหากษัตริย์ปกครองมายาวนานและต่อเนื่อง แม้จะมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์บ้างก็ไม่เคยว่างกษัตริย์ และทุกพระองค์ก็ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อบ้านเมืองและประชาชนต่างๆ กันไป ตามความจำเป็นหรือเหมาะสมกับยุคสมัยนั้นๆ ไพร่บ้านพลเมืองเองก็มีความจงรักภักดีและเทิดทูนพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงจะขออัญเชิญพระราชกรณียกิจนานัปการอันกอปรด้วยพระปรีชาสามารถและพระเมตตาที่ได้ทรงปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย ตลอดจนความจงรักภักดีที่ทวยราษฎรมีต่อพระองค์มาเผยแพร่เพื่อเฉลิมพระเกียรติตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลอง ดังต่อไปนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการศึกษาของไทย
การให้การศึกษา ให้ความรอบรู้แก่ประชาราษฎร นับเป็นพระราชภารกิจหนึ่งที่พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญสืบทอดตลอดมา และแม้ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นรัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ จะได้มีรัฐบาลเข้ามาดูแลจัดการในเรื่องการศึกษาของชาติแล้วก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงนิ่งเฉยต่อปัญหาที่ทรงพบระหว่างเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารในข้อที่ว่ายังมีราษฎรได้รับบริการทางการศึกษาไม่เพียงพออยู่ นอกเหนือไปจากความขาดแคลนและขัดสนในด้านอื่น ๆ เช่นการสาธารณสุข ปัญหาที่ดินทำกิน ขาดน้ำจะบริโภคอุปโภคและทำการเกษตร ขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ เป็นต้น นี่เองเราจึงพบว่าในบรรดาพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อการพัฒนามากหลายนั้น ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะถ้าประชาชนมีความรู้ ก็จะสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ดังพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานไว้ในหลายโอกาส และหลายสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่จะได้อัญเชิญมาบางส่วนดังนี้
“ยังมีราษฎรอีกเป็นส่วนใหญ่ที่ขัดสนและพึ่งตนเองไม่ได้… ความขัดสนของราษฎรดังกล่าว เกิดเพราะเขาไม่สามารถใช้กำลังความคิด กำลังแรง ตลอดจนทุนรอนของเขาให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรได้ ราษฎรของเราต้องการความช่วยเหลือ คือความช่วยเหลือที่จะทำให้เขาสามารถพึ่งตนเองได้ ยกฐานะขึ้นด้วยตนเองได้”
พระราชทานแก่นิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่เข้ารับพระราชทานปริญญา เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคมพ.ศ. ๒๕๑๐
ในวันที่ ๑๒ ของเดือนธันวาคม ปีเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นักศึกษาของวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ถึงความสำคัญของการศึกษาอีก ดังความตอนหนึ่งว่า “งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ตามข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีแล้ว ระยะนี้บ้านเมืองของเรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้นด้วยว่าพลเมืองของเราบางส่วนเสื่อมทรามลงไปในความประพฤติและจิตใจ ซึ่งเป็นอาการที่น่าวิตก ถ้าหากยังคงเป็นอยู่ต่อไปเราอาจจะเอาตัวไม่รอด ปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากเหตุอื่นแล้วต้องมีเหตุมาจากการจัดการศึกษาด้วยอย่างแน่นอน….. เราต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น….”
พระบรมราโชวาทอันแสดงถึงพระราชปณิธานที่จะพัฒนาพลเมืองให้มีคุณภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการให้การศึกษานี้ นับเป็นแนวทางปฏิบัติทั้งในการให้การศึกษาและทำงานอย่างครบถ้วน ก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรียนและการศึกษานอกโรงเรียน
พระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษาในระบบโรงเรียน
– ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนจิตรลดาขึ้นสำหรับพระราชโอรสและพระราชธิดา รวมถึงบุตรข้าราชบริพารในพระราชวัง ทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนทั่วไปได้เข้าร่วมเรียนด้วย ถือเป็นโรงเรียนตัวอย่างในการทดลองการเรียนการสอน โดยได้ทรงเอาพระทัยใส่ติดตามผลการเรียนการสอนด้วยพระองค์เอง
– ได้พระราชทานพระราชดำริให้ตั้งโรงเรียนขึ้นในพื้นที่ห่างไกลการคมนาคมตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้เด็ก และเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาได้มีโอกาสเล่าเรียนเท่าเทียมกับเยาวชนในท้องถิ่นอื่น โดยมีแม่ทัพภาคเป็นแกนนำในการก่อสร้างในพื้นที่ทหาร ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อวัสดุก่อสร้างและพระราชทานชื่อโรงเรียนว่า “ร่มเกล้า” โดยแห่งแรกสร้างที่บ้านหนองแคนอ. นาแก จังหวัดนครพนม เมื่อปี ๒๕๑๕ หลังจากนั้นได้ขยายไปอีกหลายจังหวัด นอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสร้างโรงเรียนกับกองกำกับการตำรวจตระเวณชายแดนเขต ๕ ค่ายดารารัศมีที่ได้ริเริ่มจัดตั้งเพื่อสอนหนังสือให้แก่ชาวเขาและประชาชนไว้ก่อนหน้านั้นอีกด้วย โรงเรียนที่ตำรวจตระเวณชายแดนดำเนินการนี้จะมีชื่อแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาของเงินก่อสร้างและความช่วยเหลือ จึงมีทั้งโรงเรียน ตชด.บำรุง, โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์, โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์, โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์, โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, โรงเรียนมิตรมวลชน, โรงเรียนจุฬา-ธรรมศาสตร์ ,โรงเรียนทหารม้าอนุสรณ์เป็นต้น
– ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้จัดตั้งและทำนุบำรุงโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาขึ้นอีกหลายโรงเรียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆกัน เช่น โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ สำหรับเด็กและเยาวชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย และเป็นกำพร้า กับโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนสำหรับเด็กที่ขาดแคลนเด็กที่การเรียนอ่อนไม่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาอื่น เป็นต้น
– ทรงรับโรงเรียนทั้งของรัฐและเอกชนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ อันหมายถึงทรงให้การช่วยเหลืออุปถัมภ์ พระราชทานพระราชทรัพย์ ทรงให้คำแนะนำ และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ครูและนักเรียนอีกหลายโรงเรียนได้แก่ โรงเรียนราชวินิต โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยเป็นต้น
– การพระราชทานความช่วยเหลือในทางการศึกษาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้แก่ชาวไทยนั้นมิได้มีความจำกัดอยู่ที่การศึกษาขั้นพื้นฐานคือประถมศึกษาและมัธยมศึกษาเท่านั้น หากแต่ทรงมีพระปรีชาญาณที่กว้างไกลสุดประมาณ ทรงตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องนำพาพลเมืองให้ก้าวทันวิทยาการสมัยใหม่ โดยจะต้องส่งคนไปศึกษาและดูงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อจะได้นำความรู้มาเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาวิทยาการต่างๆ ในประเทศ ให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมชาติอื่น จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นหลายทุน อาทิ ทุนอานันทมหิดล ทุนส่งเสริมบัณฑิต และ ทุนเล่าเรียนหลวง เป็นต้น โดยแต่ละทุนนั้นก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป
– ทรงสนับสนุนการจัดทำตำราด้วยการก่อตั้งโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยมีพระราชประสงค์ที่จะให้เยาวชนมีสารานุกรมฯใช้เป็นตำราประกอบการเรียน และบุคคลอื่นๆ ทุกวัยก็สามารถอ่านรู้เรื่องและเข้าใจได้ด้วยตัวเอง นี่จะเป็นการช่วยเสริมให้เยาวชนไทยมีพื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาการสาขาต่างๆ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์อันเป็นฐานแห่งความก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทุกคน
พระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษานอกระบบโรงเรียน
ความหมายที่สำคัญของการศึกษาคือกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาวิชาการและประสบการณ์แก่ผู้เรียนให้มีความรู้ ความคิด สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุข และแก้ปัญหาได้ และการศึกษามิได้เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียน หากแต่ขยายวงกว้างออกไปสู่การจัดโครงการต่างๆ ด้วยวิธีการและจุดประสงค์ที่สอดคล้องกับความต้องการของชีวิต การศึกษาเช่นนี้เป็นของแท้ที่เกิดจากความเมตตาและห่วงใยของครูผู้มุ่งช่วยเหลือศิษย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาหาวิธีถ่ายทอด สรรพวิทยาการที่ครอบคลุมหลายสาขาผ่านโครงการตามพระราชประสงค์ที่ได้ทรงศึกษาข้อมูลทุกด้านไว้แล้วอย่างรอบคอบ ด้วยการทรงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และสาธิตให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในปัญหา และวิธีการแก้ไขที่ถูกต้องอันจะทำให้ทุกคนสามารถพึ่งตัวเองได้อย่างยั่งยืน ดังจะได้อัญเชิญบางโครงการมาให้เห็นได้ชัดเจนดังนี้
โครงการปลูกป่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความชุ่มชื้น และความสมดุลของธรรมชาติ การปล่อยให้ป่าไม้ถูกทำลายจะยังความเสียหายมหาศาลในภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หาพันธุ์ไม้ยืนต้นทั้งจากในและนอกประเทศมาทดลองปลูก เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมไปปลูกทดแทนป่าที่ถูกทำลาย และเพื่อปรับปรุงแหล่งต้นน้ำ พระราชกรณียกิจและการดำเนินกิจกรรมตามพระราชประสงค์นี้ได้ก่อให้เกิดโครงการที่มีลักษณะการดำเนินงานโดยตรง และโครงการที่มีกิจกรรมต่อเนื่องอีกหลายโครงการ
โครงการพัฒนาที่ดิน ปี ๒๕๐๗ เป็นปีที่เริ่มโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ (สืบเนื่องมาจากราษฎรขาดที่ดินทำกิน และสภาพดินเพาะปลูกไม่ได้ผล) อันเป็นโครงการที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ นับตั้งแต่วิจัยค้นคว้าหาข้อมูลจากการทดลองปลูกพืช พัฒนาแหล่งน้ำ สร้างสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ แล้วให้เกษตกรจำนวนหนึ่งทดลองเข้าทำการเพาะปลูก จากนั้นขยายที่ดินให้ราษฎรที่ต้องการช่วยตัวเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันเข้าทำกินโดยจัดสรรที่ดินให้เพียงพอตามแผนผังและกฏเกณฑ์ที่วางไว้ แล้วจัดตั้งหมู่บ้าน ตั้งสหกรณ์การเกษตรขึ้นเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพของตน ผลของโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์นี้ นอกจากจะทำให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินแล้ว พวกเขายังได้เรียนรู้วิธีการเพิ่มผลผลิต ได้เห็นวิธีการแก้ปัญหาการทำการเกษตรด้วยหลักวิชาที่ถูกต้อง มีความสามารถที่จะประกอบอาชีพอย่างได้ผลด้วยตนเองสืบต่อไป
พระร้อยรัดดวงใจไทยทั้งผอง แม้กาลเวลาจะผ่านมาสองปีเศษ แต่ภาพของนักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวลที่ได้มีโอกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทัศนศึกษาและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จากสถานที่จริง ก็ยังคงประทับตา ประทับใจแก่ผู้ที่พบเห็นภาพนั้น…
เรียบเรียงจาก – หนังสือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช กับการศึกษาของไทย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี -มติชน ๕ ธันวาคม ๒๕๔๖-